ประเด็นเรื่องวิกฤตสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันนั้นไม่ใช่ภัยเงียบอีกต่อไป มนุษย์ได้พบเจอกับภัยธรรมชาติมากมายที่นับวันจะรุนแรงมากขึ้น หรือแม้แต่การละลายของธารน้ำแข็ง เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าส่วนหนึ่งมันเกิดจากการใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่างไม่ยั้งคิดตั้งแต่ช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นต้นมา และตอนนี้นานาประเทศก็มีความคิดที่จะช่วยโลกอีกครั้ง ด้วยการใช้ “พลังงานสะอาด”
พลังงานสะอาดคืออะไร
พลังงานสะอาด คือพลังงานที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอนของการใช้ ตั้งแต่การผลิตแปรรูป และการนำไปใช้งาน ซึ่งพลังงานสะอาดที่พบได้ในปัจจุบันคือ
- พลังงานแสงอาทิตย์
- พลังงานน้ำ
- พลังงานลม
- พลังงานความร้อนใต้พิภพ
- พลังงานไฟฟ้า
สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจคือปัจจุบันพลังงานสะอาดยังคงมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่น การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ก็ยังคงต้องพึ่งพาเซลล์พลังงานแสงที่รีไซเคิลได้ยาก การใช้พลังงานน้ำก็อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศรอบๆ เขื่อน แม้แต่เว็บไซต์ด้านสถิติหลายเว็บไซต์ยังเลือกใช้คำว่า “พลังงานหมุนเวียน” เพราะไม่มีพลังงานชนิดใด “สะอาดแบบ 100%”
ดังนั้นเราอาจจะต้องเลือกและปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทการดำรงชีวิตของคนในประเทศนั้นๆ เพื่อทำให้พลังงานสะอาดถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
คุณสามารถอ่านเรื่องที่เกี่ยวกับพลังงานสะอาดเพื่มเติมได้ ที่นี่
การใช้พลังงานสะอาดกับโลกที่รอไม่ได้อีกต่อไป
เกรต้า ธันเบิร์ก (Greta Thunberg) นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม วัย 16 ปี ชาวสวีเดน ได้กล่าวไว้หลายครั้งถึงเรื่องการขยับของเหล่าผู้นำโลกนั้นช้าเกินไป และแม้ว่าจะประชุมกี่ครั้งก็ยังไร้ซึ่งการกระทำที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง
คำพูดของเธอสอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง โดยผลกระทบของการใช้พลังงานฟอสซิล ณ ปัจจุบันเริ่มทวีความรุนแรงอย่างเด่นชัดมากขึ้น โดยเฉพาะปัญหาด้านฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพ การก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกซึ่งส่งผลกระทบระยะยาวต่อภาวะโลกร้อน ประเด็นดังกล่าวจะมีผลต่ออุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น พร้อมกับภัยธรรมชาติ เช่น พายุ น้ำท่วม และไฟป่าที่มากขึ้นด้วย
นั่นทำให้เกิดคำถามขึ้นทันทีว่า แล้วการปรับใช้พลังงานสะอาดของโลกไปถึงไหนแล้ว ?
ดังที่กล่าวข้างต้นว่าเว็บไซต์ด้านสถิติมักไม่ใช้คำว่า Clean แต่เลือกใช้ Renewable Energy หรือ พลังงานหมุนเวียน โดยเลี่ยงคำว่าพลังงานสะอาด ดังนั้นสถิติต่างๆ จึงจะอยู่ในส่วนของพลังงานหมุนเวียนเป็นหลัก
สำหรับปี 2021 ทางองค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) คาดการณ์ว่าผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียนจะเป็นประเทศโซนยุโรปและอินเดีย โดยเฉพาะด้านพลังงานแสงอาทิตย์ ที่มีการสนับสนุนและเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2015 ตามมาติดๆ กับทางสหรัฐอเมริกาที่หลังจากการเปลี่ยนประธานาธิบดีเป็น โจ ไบเดน (Joe Biden) ส่งผลให้นโยบายด้านภาวะโลกร้อนเป็นไปได้ด้วยดียิ่งขึ้น
นอกเหนือจากนั้นยังคงเป็นประเทศจีน ที่มีการเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่างจนก้าวเป็นหนึ่งในมหาอำนาจด้านพลังงานหมุนเวียน ทั้งการออกกฎหมายควบคุมการใช้พลังงานฟอสซิล และการลดภาษีให้กับประชาชนที่ใช้พลังงานหมุนเวียน
แล้วประเทศไทย เราอยู่จุดไหนกันแน่?
พลังงานสะอาดกับประเทศไทย
ไทยเป็นอีกประเทศที่มีนโยบายการปรับใช้พลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบัน ประเทศไทยเริ่มการปรับเปลี่ยนรถเมล์ให้กลายเป็นรถเมล์ไฟฟ้า เร่งสร้างจุดเติมไฟฟ้าเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงโซลาร์ รูฟท็อป หรือโซลาร์เซลล์ลอยน้ำที่รองรับการผลิตไฟฟ้าจำนวนมาก ซึ่งต้องจับตาดูกันต่อไปว่านโยบายต่างๆ จะสามารถทำออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพให้ประชาชนพอใจขึ้นได้หรือไม่
นอกเหนือจากภาครัฐแล้ว ภาคเอกชนเองก็ยังเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญในเรื่องนี้ เช่น สวอพ แอนด์ โก Swap and Go เทคโนโลยีการสลับแบตเตอรี่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ลดเวลาการชาร์จแบต อีกทั้งเริ่มมีผู้ผลิตภาคอุตสาหกรรมในไทยก็เริ่มมีการให้ความสนใจกับการประกอบและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับยานพาหนะไฟฟ้าอีกด้วย
สรุป
การให้ความสำคัญและการใช้พลังงานสะอาดทวีความจำเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ในสภาวะแวดล้อมปัจจุบัน โดยในระดับสากลเริ่มมีการให้ความสำคัญในเรื่องนี้อย่างจริงจังแล้ว แม้ว่าในหลายๆ เรื่องอาจจะช้าไปบ้างก็ตาม โดยในประเทศไทยก็มีการเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลักมากขึ้น และคาดว่าพลังงานดังกล่าวจะมีบทบาทอย่างจริงจังจากการสนับสนุนของทั้งภาครัฐและเอกชน
