หากจะพูดถึงนวัตกรรมพลังงานใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทใหญ่หรือสตาร์ทอัพหน้าใหม่ต่างให้ความสำคัญกับหัวข้อหนึ่งอย่างมาก นั่นคือการประยุกต์ใช้ Green Energy ให้มากที่สุด เพื่อลดอัตราการใช้พลังงานฟอสซิล ช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบกับผู้คนจำนวนมากในปัจจุบัน
เข้าใจหลักการ Green Energy พลังงานเพื่ออนาคต
Green Energy หรือพลังงานสะอาด เป็นคำนิยามอย่างกว้างๆ สำหรับพลังงานที่มีการใช้งานแล้วไม่ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมโดยรวม เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม หรือพลังงานน้ำ
หลายคนอาจมองว่าถ้าแบบนั้นคงเป็นเรื่องง่าย เพราะมีการพัฒนาสิ่งเหล่านี้ตั้งแต่สมัยโบราณ ไม่ว่าจะเป็นเขื่อน กังหันลม ไปจนถึงโซลาร์เซลล์ แต่จริงๆ แล้วแนวคิดของ Green Energy ลึกเข้าไปกว่านั้น เพราะพลังงานสะอาดที่ดีจะต้อง
- มีการใช้งานหมุนเวียนได้ไม่สิ้นสุด
- มีความเสถียรสูง
- ราคาถูก สามารถจับต้องได้
- ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งการผลิตและใช้งาน
แน่นอนว่านิยามดังกล่าวหลายส่วนยังคงเป็นเรื่องยากสำหรับเทคโนโลยีปัจจุบัน แต่ก็จำเป็นต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพราะเราคงเห็นแล้วว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมต่างๆ ในโลกหลายส่วนเกิดจากพลังงานฟอสซิลที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้
ทำไมไทยจำเป็นต้องใช้ Green Energy
ถ้าโลกได้รับผลกระทบจากการใช้พลังงานฟอสซิล แล้วใครจะเดือดร้อนเป็นรายต่อไป…คำตอบนั้นไม่ยากเลย มนุษย์เรานี่ล่ะที่จะเดือดร้อน
ตัวอย่างที่ดีที่สุดคงจะไม่พ้นปัญหาฝุ่นควัน ที่กรุงเทพมหานครและหลายจังหวัดภาคเหนือได้เผชิญไป แน่นอนว่าส่วนหนึ่งนั้นเกิดจากการเผาป่าไม้
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าฝุ่นควันในหลายจุดเกิดจากควันรถและการใช้พลังงานฟอสซิลอื่นๆ
ในเวลานั้นมีผู้ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจและเดือดร้อนเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวเป็นจำนวนมาก และแม้ว่าภาครัฐจะมีมาตรการหลายอย่างออกมา ปัจจุบันปัญหาเกี่ยวกับผลกระทบของพลังงานฟอสซิลหลายส่วนก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาระยะยาวที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากคนจำนวนมาก เช่น การลดการใช้รถ
ไทยไม่ใช่ประเทศเดียวที่เผชิญเรื่องแบบนี้ และด้วยการตระหนักถึงปัญหาและการแก้ไข ทำให้ Bank of America คาดการณ์ไว้ว่าหลังจากนี้ความต้องการการใช้พลังงานฟอสซิลจะลดลงอย่างมาก ทั้งจากเทคโนโลยีและแนวคิดของคนรุ่นใหม่ที่ถูกปลูกฝังการให้ความสำคัญเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
สิ่งที่ตามมาคือ เทคโนโลยีจะถูกพัฒนาทันความต้องการลดใช้พลังงานฟอสซิลมั้ย ?
ถ้าประเทศไทยยังเน้นการเดินตามเพื่อนบ้านแล้วล่ะก็การเปลี่ยนแปลงอาจเป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยๆ ก็ควรกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการพัฒนานวัตกรรมทาง Green Energy ให้ได้เสียก่อน
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมประเทศไทยถึงต้องมีการศึกษารวมถึงทำความเข้าใจถึงความจำเป็นของ Green Energy ตั้งแต่ตอนนี้
เปิดหนทางนวัตกรรมพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม
นวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยมีจำนวนไม่น้อย แต่ส่วนมากนั้นขาดการต่อยอดอย่างสม่ำเสมอและเงินทุนสนับสนุน
ซึ่งปัจจุบันทั้งฝั่งภาครัฐและเอกชนก็มีการสนับสนุนมากมาย ทั้งการจัดประกวดผลงาน Startup ไปจนถึงงาน meeting เพื่อต่อยอดทางธุรกิจ ซึ่ง PTT Expresso เองก็เป็นหนึ่งในโครงการที่สนับสนุนสตาร์ทอัพดัานพลังงานที่มุ่งต่อยอดเพื่อประโยชน์ของประเทศเช่นกัน แต่การกระทำดังกล่าวจะสร้างแรงกระเพื่อมทางเศรษฐกิจได้ไม่มากพอ ถ้าฝั่งสตาร์ทอัพผลงานดีไม่ออกมาเสนอผลงานด้วย
ลองมาดูตัวอย่างสตาร์ทอัพที่น่าสนใจจากทั้งในไทยและเทศ ที่ทาง PTT Expresso เคยร่วมพูดคุยกันบ้างดีกว่า
- Verv : สตาร์ทอัพพลังงานที่ใช้เทคโนโลยี IoT และ AI เพื่อทำการวิเคราะห์การใช้พลังงานในบ้าน โดยควบคุมง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชั่นจากทาง Verv
- Solar Home : สตาร์ทอัพพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีแนวคิดสำคัญคือการกระจายไฟฟ้าราคาถูก ให้ประชาชนที่ห่างไกลเข้าถึงได้ง่าย ด้วยการใช้และพัฒนาโซลาร์เซลล์
- ENRES : สตาร์ทอัพสัญชาติไทยที่ใช้เทคโนโลยี IoT และ AI ในการสำรวจ วิเคราะห์ และแก้ไขปัญหาในอาคาร ทั้งไฟฟ้า น้ำประปา รวมไปถึงระบบการทำงานอื่นๆ ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถควบคุมสิ่งต่างๆ ได้ผ่านแอปพลิเคชั่น เพิ่มความสะดวกสบายให้กับทุกคน
จะเห็นได้ว่าสตาร์ทอัพบางเจ้านั้นไม่ได้เป็นแนวคิดที่ใหม่มากนัก แต่เน้นการวางแผนธุรกิจที่ดี เช่น Solar Kiosk ที่ใช้เทคโนโลยีเดิม แต่จัดวางในพื้นที่ที่ขาดแคลน ทำให้ตัวสตาร์ทอัพสามารถแสดงประสิทธิภาพได้เต็มที่
แน่นอนว่ายังมีสตาร์ทอัพอีกมากบนโลกที่ต้องการแก้ไขปัญหาด้านพลังงาน บ้างก็ได้รับเงินทุนจำนวนมหาศาล บ้างก็หายไปตามกระแสเศรษฐกิจโลก
หัวใจของการเปลี่ยนแปลงทางพลังงาน
นอกเหนือจากการสนับสนุนจากภาครัฐแล้ว สิ่งที่จะทำให้วงจรสตาร์ทอัพ Green Energy และสตาร์ทอัพรูปแบบอื่นๆ สามารถก้าวต่อไปได้คือการแสดงให้เห็นถึงการปรับตัว
การมุ่งไปยัง Pain point นั้นดี แต่ต้องแสดงให้ประชาชนคนทั่วไปที่อาจไม่รู้ว่าตัวเองประสบปัญหาอยู่ รับรู้ด้วว่าเขาเหล่านั้นเจอปัญหาและเรากำลังแก้ปัญหาให้ วงจร Ecosystem จึงจะหมุนไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างสมบูรณ์อาจไม่ได้เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ แต่สิ่งที่เราทำให้ปัจจุบันนี่ล่ะที่จะกลายเป็นพื้นฐานต่อยอดไปยังอนาคต
ท้ายสุดแล้วหัวใจของการเปลี่ยนแปลงทางพลังงานที่สำคัญที่สุด คงอยู่ที่ประชาชนทั่วไปว่าจะตระหนักเรื่องนี้ได้ขนาดไหน … เพราะพลังงานไม่ใช่เรื่องของคนกลุ่มเดียว
