ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีสตาร์ทอัพเกิดใหม่จำนวนมากในทุกๆ ปี และยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ แต่ไม่ใช่ทุกๆ สตาร์ทอัพจะประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะสตาร์ทอัพที่เน้นการลงทุนสูง Startup Business Matching จึงเป็นตัวแปรสำคัญสำหรับการพัฒนาธุรกิจยุคใหม่
ต่อยอดธุรกิจให้กว้างไกลด้วย Business Matching
โอกาสที่ได้จาก Business Matching
โดยปกติแล้ว Business Matching ทำให้ผู้ประกอบการในธุรกิจรูปแบบต่างๆ เข้ามาพบปะเพื่อแลกเปลี่ยนทัศนคติ ข้อมูล ไปจนถึงความรู้ต่างๆ ที่ตนเองมีว่าสามารถทำธุรกิจร่วมกันได้หรือไม่ ในรูปแบบใด และถ้าทำธุรกิจร่วมกันจะคุ้มค่าแค่ไหน ลองมาดูโอกาสที่ได้จากการทำ Business Matching กันว่ามีอะไรบ้าง
สนับสนุนธุรกิจของกันและกัน
หากพูดคุยกันลงตัวจนทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กันแล้ว ทั้งสองฝ่ายจะเกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูล เกิดการสนับสนุนกันและกันในสิ่งที่อีกฝ่ายขาด เช่น ด้านเทคโนโลยี การตลาด ไปจนถึงเงินลงทุน ขึ้นอยู่กับว่าอีกฝ่ายเป็นใคร และสามารถสนับสนุนผู้ประกอบการได้ในลักษณะไหนบ้าง
แน่นอนว่านอกจากในรูปแบบ Business to Business แล้ว การเข้าร่วม Business Matching ยังมีโอกาสทำให้เราเจอบุคลากรมากมาย ซึ่งอาจเข้ามาร่วมวางแผน และเป็นกำลังให้ในอนาคตก็ได้เช่นกัน
ขยายฐานลูกค้า
ไม่ว่าจะธุรกิจเล็กหรือใหญ่ คุณก็สามารถขยายฐานลูกค้าของตัวเองไปอยู่ในระดับโลกได้ หากมีพาร์ทเนอร์ที่ถูกฝาถูกตัว Business Matching เป็นตัวจุดประกายให้เกิดเรื่องดังกล่าวง่ายขึ้น โดยเฉพาะถ้าสินค้าและบริการดี มีคุณภาพ มีความเป็นเอกลักษณ์ ก็มีโอกาสขยายฐานลูกค้าได้จาก Business Matching ได้ไม่ยาก
สร้างอุตสาหกรรมให้แข็งแกร่ง
ยุคนี้ไม่ใช่ยุคของปลาใหญ่กินปลาเล็กอีกต่อไป แต่เป็นยุคของการสร้างระบบนิเวศทางเศรษฐกิจ การร่วมมือกันจึงกลายเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุด
นอกจากจะช่วยให้ธุรกิจของคุณเองแข่งแกร่งขึ้นแล้ว การจับคู่ทางธุรกิจยังช่วยสร้างความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมโดยรวมให้แข็งแกร่ง ยิ่งอุตสาหกรรมแข็งแกร่งไม่ว่านักลงทุนจากไทยและต่างประเทศก็จะยิ่งสนใจและนำเงินมาลงทุนมากขึ้น ซึ่งทำให้บริษัทเติบโตทางอ้อมได้อีกด้วย
อุปสรรคของ Business Matching
ไม่ใช่ว่าการทำ Business Matching จะราบรื่นไปตลอด สำหรับผู้ประกอบการในไทยก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้ติดขัด และต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่
ความสามารถทางการแข่งขัน
สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับในปัจจุบันคือ บริษัทต่างๆ มีมากมายแตกต่างกันออกไป และความสามารถในการแข่งขันของทุกบริษัทก็ไม่เท่ากัน รวมไปถึงความรู้ความเข้าใจในการทำธุรกิจนอกประเทศหรือธุรกิจระดับโลก ว่าต้องทำอย่างไร เตรียมเอกสารแบบไหน ซึ่งอาจก่อให้เกิดความยุ่งยากในอนาคตได้
ดังนั้นผู้ประกอบการจำต้องมีการอัปเกรดตัวเองให้ก้าวหน้า ศึกษาหาข้อมูลในหลายๆ ทาง และพร้อมสำหรับโอกาสอยู่เสมอ แม้ว่าจะยังไม่ได้เป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทไหน แต่ก็ถือเป็นการพัฒนาบริษัทไปในตัว
ความสามารถทางภาษา
เรื่องนี้เป็นอีกประเด็นที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพไทยที่อยากก้าวสู่ระดับสากล บางบริษัทมีผู้ที่สามารถสื่อสารภาษาที่สองหรือภาษาที่สามอย่างเชี่ยวชาญ อยู่จำนวนน้อยมาก จนกลายเป็นอุปสรรคหนึ่งซึ่งบางครั้งก็ตัดโอกาสการก้าวไปในระดับโลกไปเลย
การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
แน่นอนว่าเรื่องการทำธุรกิจนั้นก็มีการสนับสนุนจากภาครัฐ แต่หากเทียบกับนานาประเทศแล้วด้วยขนาดของเศรษฐกิจและโอกาส ทำให้ในบางครั้งการสนับสนุนก็ขาดช่วงและไม่ทั่วถึง ทางฝั่งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องอาจเน้นการให้ความรู้และประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจมากขึ้น เพื่อให้เข้าใจระบบเศรษฐกิจและ Business Matching อีกทั้งผู้ที่ต้องการพัฒนาควรขนขวายในการหาข้อมูลด้วยตนเอง เพื่อหาโอกาสได้มากขึ้น
ธุรกิจบางประเภทเหมือนกันเกินไป
แม้ว่าธุรกิจหลายอย่างจะมีความแตกต่าง แต่ทว่าด้วยความที่ผู้ประกอบการมีจำนวนมากจึงทำให้มีธุรกิจหลายเจ้ามีแนวคิดเหมือนกัน เทคโนโลยีคล้ายกัน จนไม่อาจดึงจุดเด่นของตัวเองออกมาได้เต็มที่ แม้จะทำการ Business Matching แต่ถ้าฝั่งนักลงทุนเห็นว่าธุรกิจประเภทนี้มีเยอะไป ไม่น่าลงทุน ก็อาจทำให้พลาดโอกาสในการเติบโตได้
หนทางการร่วมธุรกิจในยุคปัจจุบัน
ถ้าเราเป็นสตาร์ทอัพมีความสามารถ และอยากก้าวไปให้ไกลกว่าเดิม สร้างสตาร์ทอัพหรือบริษัทของตัวเองให้ไปสู่ระดับโลก มีหนทางดังนี้ครับ
- งาน Business Matching ที่มีการจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยมีหน่วยงานรัฐ ธนาคาร และเอกชน ผู้ที่สนใจควรมีการติดตามข่าวสารในด้านนี้อย่างต่อเนื่อง ตามความเหมาะสมของรูปแบบธุรกิจของคุณเอง
- การทำ Online Business Matching ในปัจจุบันมีธนาคาร และบริษัทเอกชนหลายรายที่ต้องการเป็นตัวกลางระหว่างธุรกิจแบบออนไลน์ คุณสามารถใช้บริการเหล่านี้ได้ตามความเหมาะสมของธุรกิจคุณครับ
- งานกิจกรรมทางธุรกิจ Business Matching คือกิจกรรมสำหรับการจับคู่ของผู้ประกอบการ แต่ก็ไม่จำเป็นว่าตัวผู้ประกอบการจะต้องยึดกับงานดังกล่าวเสมอไป คุณอาจจะเลือกเข้าไปดูในงานสตาร์ทอัพ งานกิจกรรมด้านธุรกิจ ที่จัดโดยหน่วยงานต่างๆ เพื่อเพิ่มความเป็นไปได้ในการหา
พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจก็ได้เช่นเดียวกัน
สิ่งสำคัญที่ไม่ว่าจะสตาร์ทอัพหรือบริษัทไหน ต้องให้ความสำคัญคือ การพัฒนาตัวเองอยู่เสมอครับ เพราะไม่ว่าจะใครก็ล้วนแล้วแต่เล็งจะลงทุนร่วมกับบริษัทที่มีความสามารถ เป็นพาร์ทเนอร์กับสตาร์ทอัพที่มีอนาคต ถ้าเกิดไม่มีการพัฒนาตัวเอง นำเสนอตัวเองให้ได้
เพราะท้ายสุดแล้ว Business Matching เป็นเพียงแค่ตัวช่วยหนึ่งเท่านั้น สตาร์ทอัพจะเข้มแข็งได้อย่างแท้จริงก็จะขึ้นอยู่กับการทำงานและการเติบโตของตัวสตาร์ทอัพนั้นๆ เอง
