การพักผ่อนที่ดีที่สุดคือการนอน แต่ในปัจจุบันการนอนหลับให้สนิทกลายเป็นสิ่งที่ผู้คน “ทำได้ยากขึ้น” จนกลายเป็นปัญหาระยะยาว นั่นทำให้เทคโนโลยีทางการแพทย์ ที่เกี่ยวข้องกับการนอน กลายเป็นที่ต้องการของคนยุคใหม่
ปัญหาการนอนภายใต้ความเปลี่ยนแปลงของสังคม
จากรายงานขององค์กรอนามัยโลก (WHO) พบว่า 45% ของประชากรโลกเคยมีปัญหาเกี่ยวกับการนอน
ปัญหาด้านการนอนเคยเป็นปัญหาจุดเล็กๆ ของสังคมที่ไม่มีใครเหลียวแล ก่อนที่จะมีการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ผลกระทบของการนอนอย่างจริงจัง จนพบว่ายิ่งสังคมพัฒนาขึ้นมากเท่าไหร่ การนอนของผู้คนก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น โดยเฉพาะการนอนหลับสนิทอย่างมีคุณภาพ
เหตุผลหลักๆ ในปัจจุบันที่เราสามารถพบได้ทั่วไปไม่ว่าจะในไทยหรือต่างประเทศจะมีดังต่อไปนี้
- มีความจำเป็นต้องทำงานล่วงเวลานอนหรือทำงานกะกลางคืน
- การเดินทางและการจราจรนานกินเวลานาน
- แอลกอฮอล์ การสังสรรค์ยามค่ำคืน
- ภาวะการนอนหลับผิดปกติส่วนบุคคล
- การใช้อุปกรณ์สื่อสาร เช่น สมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์จนกินเวลานอน
- ความเครียด
สิ่งที่ไม่ค่อยได้ถูกเอ่ยถึงเมื่อกล่าวเกี่ยวกับปัญหาด้านการนอนคือ “ทัศนคติ” ของผู้คน กับความเชื่อที่ว่าการนอนไม่ได้จำเป็นกับชีวิตมากเท่าใดนัก ซึ่งกว่าจะรู้ว่ามันส่งผลเสียอย่างหนักกับร่างกาย ก็เกิดปัญหาที่ยากจะแก้ขึ้นมาเสียแล้ว
ปัญหาด้านการนอนไม่ได้เพียงส่งผลกระทบในระดับบุคคล แต่ยังกระทบไปถึงเศรษฐกิจของประเทศไทยได้เลยทีเดียว ทั้งประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลง ความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุที่เพิ่มขึ้น และงบประมาณที่จะต้องมาแก้ปัญหาในเรื่องนี้ อีกทั้ง ปัญหาด้านการนอนจริงๆ ไม่ใช่แค่การนอนไม่พออย่างเดียว ยังมีปัญหาอื่นๆ แฝงอยู่และหลายอย่างนั้นผู้ที่เป็นอาจไม่รู้ตัวว่าตนเองควรได้รับการรักษาด้วย
บทบาทของเทคโนโลยีทางการแพทย์กับการนอน
สาเหตุที่ปัญหาด้านการนอนดูเป็นประเด็นของสังคมโลกเลยก็คือ มนุษย์ไม่สามารถตรวจสอบการนอนของตัวเองได้เพราะว่าเรานั้น “หลับ” อยู่ ต่อให้ตรวจได้แต่ก็ไม่มีความเชี่ยวชาญมากพอที่จะตัดสินได้ว่าตนเองมีปัญหาหรือไม่ อีกทั้งปัญหาด้านการนอนนั้นยังมีหลายประเภท เช่น
- นอนกรน
- นอนละเมอ
- นอนกัดฟัน
- นอนหลับไม่สนิท
- ภาวะหยุดหายใจเวลานอน
ซึ่งหลายปัญหาอาจส่งผลกระทบกับร่างกายร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย
หนทางการแก้ปัญหาด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เทคโนโลยีทางการแพทย์ได้เข้ามามีบทบาทในการรักษาปัญหาการนอนในปัจจุบัน โดยจะแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ
ตรวจสอบการนอนหลับ แอปพลิเคชั่นเพื่อตรวจสอบการนอนหลับและนอนกรน รวมถึงอุปกรณ์สวมใส่ (wearable device) ที่มีการติดตั้งระบบเพื่อตรวจสอบการนอนของเราอย่างเช่นอุปกรณ์ smart watch อาจไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับคนสมัยนี้ แต่รู้หรือไม่ว่าโรงพยาบาลใหญ่ๆ ของประเทศไทยมีห้องสำหรับตรวจสอบการนอน (Sleep Lab) โดยเฉพาะแล้ว
โดยการทดสอบการนอนหลับนี้จะเป็นการจำลองการนอนหลับจริงของผู้คน พร้อมกับการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ตรวจร่างกายเอาไว้ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็น
- การตรวจคลื่นสมอง
- ตรวจวัดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อที่ใช้หายใจ
- ตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ
- ตรวจเสียงกรน
- ตรวจท่านอน
- ตรวจระดับออกซิเจนในเลือด
โดยแพทย์จะทำการนำค่าต่างๆ ไปวิเคราะห์และวินิจฉัยได้ว่าบุคคลนั้นๆ มีความเสี่ยงและโรคเกี่ยวกับการนอนหรือไม่ ก่อนที่จะดำเนินการรักษาที่ถูกต้องในขั้นต่อไปได้ ซึ่งการตรวจสอบแบบนี้จะช่วยลดความเสี่ยง เพิ่มคุณภาพด้านการนอนที่ดีขึ้น
เทคโนโลยีการรักษาที่มีหลากหลาย ปัญหาด้านการนอนไม่ใช่ปัญหาที่สามารถแก้ได้ในทันทีทันใด และไม่ได้มีทางแก้แค่ทางเดียวเท่านั้น ขึ้นอยู่กับว่าผู้ที่เข้ามารักษามีปัญหาอะไรและเรื้อรังมาขนาดไหนแล้ว ยกตัวอย่างเช่น
- ปัญหาการนอนหลับไม่สนิท ปัจจุบันเรื่องนี้มีเทคโนโลยีรองรับไม่น้อย ทั้งการประยุกต์เทคโนโลยีทางการแพทย์เพื่อสร้างเตียงและหมอนรองรับสรีระเพื่อการนอนหลับที่ดียิ่งขึ้น การใช้แอปพลิเคชั่นสร้างเสียงที่ส่งผลดีต่อการนอนหลับ
- ปัญหาการนอนกรน ในปัจจุบันมีการแก้ปัญหาด้วยการใช้เครื่องเป่าลมหายใจ, เครื่องมือทันตกรรม, การใช้คลื่นความถี่วิทยุในการรักษา และ การผ่าตัดเพื่อฝังอุปกรณ์ป้องกันการนอนกรน
เป็นต้น
ทัศนคติด้านการนอนหลับที่สำคัญไม่น้อยกว่าเทคโนโลยี
ดังทีกล่าวไว้ข้างต้นว่าทัศนคติเกี่ยวกับการนอนหลับเป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่ไม่อาจละเลยได้ มนุษย์เราจำเป็นต้องเริ่มมองการพักผ่อนและการนอนเป็นสิ่งที่สำคัญเสียก่อน และยอมรับว่ามันมีความ “จำเป็น” ต่อชีวิต ไม่ใช่แค่อยากนอนก็นอน กี่ชั่วโมงก็ว่ากันไป เพราะความคิดแบบนั้นจะเป็นสาเหตุเล็กๆ ที่นำพาโรคใหญ่ๆ ตามมาในอนาคต
การพักผ่อนไม่เพียงพอ อดนอน รวมถึงพฤติกรรมการนอนที่ไม่ปกติย่อมส่งผลกระทบกับร่างกายของเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง นอกเหนือจากการใช้เทคโนโลยีเข้าร่วมในการตรวจสอบและรักษาแล้ว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนของตัวเอง ทั้งการหลีกเลี่ยงการนอนกลางวัน เลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีนก่อนนอน และการทานอาหารที่มีประโยชน์ ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นของทุกๆ คนเสมอ
