หากเอ่ยถึง Gig Economy เชื่อว่าหลายคนอาจจะงงว่ามันคืออะไร แต่ถ้าเอ่ยถึงงานประเภท Freelance ล่ะก็ คงต้องมีคนร้องอ๋อแน่ๆ ซึ่ง Gig Economy ก็คือระบบเศรษฐกิจที่รองรับการทำงานของเหล่าผู้คนที่ทำงานอิสระนั่นเอง
ทำความรู้จักกับ Gig Economy
ก่อนรู้จักคำว่า Gig Economy เรามารู้จัก Gig กันให้มากขึ้นก่อนดีกว่า
ศัพท์คำว่า Gig ในที่นี้เป็นแสลงที่หมายถึงวงดนตรีที่รับจ้างเป็นครั้งๆ และมีการต่อยอดเป็นคำว่า Gig Worker เพื่อใช้เรียกบรรดาพนักงานพาร์ทไทม์หรือฟรีแลนซ์ในช่วงศตวรรษที่ 19 ก่อนถูกใช้งานอย่างกว้างขวางจริงๆ ในช่วงปี 2009 ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจซับไพรม์ (Subprime Crisis) จนคนต้องออกมาทำงานอิสระเป็นจำนวนมาก
ซึ่งการเติบโตอย่างมหาศาลของเหล่า Gig นี่เองที่ทำให้เกิดระบบเศรษฐกิจแบบ Gig Economy หรือระบบเศรษฐกิจที่มีการทำงานเป็นครั้งคราวเป็นตัวแปรหลักขึ้นมา และเริ่มขยายไปในหลายๆ ประเทศตามการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่หันมาทำงานเป็น Gig Worker มากขึ้น
ปัจจัยให้ Gig Economy เติบโต
การมีอยู่ของ Gig Economy นั้นมีมานานอย่างที่ระบุไว้ด้านบน หากพูดกันอย่างตรงไปตรงมางานรับจ้างอิสระที่หลายคนคุ้นเคยก็นับเป็นงาน Gig เช่นกัน รวมถึงการขับ Grab bike หรือ Lineman ด้วย ซึ่งการที่ระบบเศรษฐกิจแบบนี้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ นั้นต้องอาศัยปัจจัยมากมาย ดังนี้
1.สภาพเศรษฐกิจที่เกื้อหนุนการทำงานแบบ “Gig”
ทำไมการทำงานแบบ Gig ถึงประสบความสำเร็จภายใต้เงื่อนไขของเศรษฐกิจปัจจุบัน ?
หากมองลึกไปในโครงสร้างของการทำงานสมัยใหม่จำเป็นจะต้องมีความ “เร็ว” และ “ยืดหยุ่น” สูง เพื่อผลักดันประสิทธิภาพการแข่งขันให้สูงขึ้นภายใต้เงื่อนไขที่จำกัด แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกบริษัทที่จะมีต้นทุนในการจ้างงานมากขนาดนั้น การจ้าง พนักงานอิสระ เข้ามารับจ็อบชั่วคราวจึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์มากกว่า
สิ่งที่แฝงอยู่ในความเร็วและยืดหยุ่นนั้นยังรวมไปถึงการสร้าง “ไอเดีย” ในการทำธุรกิจ ทั้งฝ่ายนายจ้างและลูกจ้าง ทางนายจ้างสามารถคิดไอเดียในการปรับนโยบายบริษัทและการสร้างสินค้าและการบริการได้มากขึ้น และทางลูกจ้างก็สามารถใช้เวลานอกเหนือจากเวลางานของตนเองอัปเกรดทักษะ เพื่อทำให้สามารถรับงานให้หลากหลายและสามารถทำเงินได้มากขึ้น
2.โลกออนไลน์ ทลายกำแพงการทำงานของเหล่า Gig
นอกเหนือจากระบบเศรษฐกิจแล้ว สิ่งที่ผลักดันระบบ Gig Economy ให้ประสบความสำเร็จคือการทำงานบนแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งหลาย ที่เข้ามาเชื่อมต่อให้สามารถทำงานได้ราบรื่นยิ่งขึ้น
ในเมื่อการทำงานสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ ยิ่งเปิดโอกาสให้ผู้คนสามารถรับงานได้แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลกันคนละจังหวัดหรือประเทศ ผู้สั่งงานสามารถติดตามการทำงานจริงได้แบบเรียลไทม์ และการเข้ามาของ Cashless Society ทำให้การจ่ายเงินเพื่อจ้างงานแต่ละครั้งมีความรวดเร็ว ง่ายดาย เพิ่มความสะดวกในการทำงานอิสระมากขึ้นไปอีก
3.คนรุ่นใหม่และทัศนคติเรื่องงานที่ไม่เหมือนเดิม
การทำงานประจำ ยอมได้เงินเดือนน้อยเพื่อสวัสดิการที่ดีกว่า หรือการทุ่มเททำงานหนักเพื่อบริษัทใดบริษัทหนึ่ง อาจไม่ใช่สิ่งที่ตอบโจทย์กับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการ Life Style แบบ Work Life Balance เหตุผลนั้นเองที่ทำให้งานอิสระที่สามารถจัดสรรเวลาของตัวเองได้ ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
การเป็น Gig Worker ไม่เพียงด้านการจัดสรรเวลาเท่านั้น มันยังเปิดโอกาสให้สามารถรับงานได้หลากหลายมากขึ้น เช่นการรับงานตอนเช้าที่บริษัทหนึ่ง ตอนบ่ายรับงานอีกบริษัทหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นงานคนละประเภทกันก็ได้ ตามแต่ว่าเรามีความสามารถประเภทไหน และบริษัทไหนต้องการจ้างงานของเรา ทำให้คนที่เก่งยิ่งได้รับความสนใจในการจ้างงานมากขึ้น