Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors

Power Purchase Agreement (PPA) สำคัญต่อภาคธุรกิจอย่างไร?

SHARE

Power Purchase Agreement (PPA) สำคัญต่อภาคธุรกิจอย่างไร?

เมื่อปัญหาภาวะโลกร้อนถูกจุดประเด็นขึ้นและได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา การเลือกพลังงานสะอาดสำหรับผลิตไฟฟ้าและการกำหนด PPA (Power Purchase Agreement) จึงเป็นเรื่องที่ทั้งโลกต่างให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้น เห็นได้จากประเด็น Let The Earth Breathe ที่นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษออกมาประท้วงให้หยุดยั้งการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานฟอสซิลซึ่งเป็นสาเหตุของการเร่งปฏิกิริยาภาวะโลกร้อน ทำให้เราทุกคนหันกลับมาตระหนักถึงปัญหานี้อีกครั้ง

“พวกเราต่างรู้ดีว่าโลกของเรากำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่สามารถหยุดยั้งได้ แล้วอะไรบ้างล่ะที่ทุกคนสามารถทำเพื่อชะลอความรุนแรงของภาวะโลกร้อนที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วได้?”

การผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานฟอสซิลเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดมลพิษและภาวะโลกร้อน นอกจากนี้ การใช้ไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ก็มีต้นทุนสูงและความเสี่ยงที่มากกว่า ดังนั้น การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด (Green Energy) จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เราช่วยกันได้

PPA คืออะไร?

PPA (Power Purchase Agreement) คือ ข้อตกลงการซื้อขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนระหว่างภาครัฐและเอกชนที่เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าขึ้นมาใช้เอง เช่น ธุรกิจผลิตไฟฟ้า ธุรกิจที่มีพลังงานหมุนเวียนและสามารถผลิตไฟฟ้าได้ ธุรกิจที่ติดตั้งเครื่องผลิตไฟฟ้าสำหรับนำไปใช้ในภาคธุรกิจ หรือแม้แต่การติดตั้งโซลาร์เซลล์สำหรับผลิตกระแสไฟฟ้าใช้เองภายในครัวเรือน

นอกจาก PPA แล้วยังมี Private PPA ซึ่งเป็นข้อตกลงการซื้อขายพลังงานหมุนเวียนเช่นกัน แต่เป็นข้อตกลงระหว่างเอกชนกับเอกชน โดยส่วนมากจะเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด หรือ บริษัทที่รับติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์พร้อมสัญญาเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่สนใจโดยไม่ต้องไปติดต่อกับทางภาครัฐเอง

renewable energy

Power Purchase Agreement ในประเทศไทยครอบคลุมแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่ไม่ใช่พลังงานจากนิวเคลียร์และพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ

ตัวอย่างพลังงานหมุนเวียน

  • พลังงานสะอาดนอกรูปแบบ: พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังน้ำ
  • พลังงานจากภาคการผลิตอุตสาหกรรมการเกษตร: เศษวัสดุเหลือใช้ อาหาร ปุ๋ย มูลสัตว์ และไอน้ำจากกระบวนการผลิตทางการเกษตร
  • พลังงานสูญเสีย: พลังงานจากความร้อนไอเสียเครื่องยนต์หรือเครื่องจักรต่างๆ
  • พลังงานผลพลอยได้: พลังงานกลซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการปรับลดความดันของก๊าซธรรมชาติ
  • พลังงานจากขยะมูลฝอย
  • พลังงานจากเชื้อเพลิงไม้ในการปลูกป่า

วิดีโอนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจกับ PPA มากยิ่งขึ้น

PPA มีไว้สำหรับใคร

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า PPA คือ สัญญาข้อตกลงการใช้ไฟฟ้าระหว่างผู้ที่มีความสามารถผลิตไฟฟ้าใช้เองได้กับภาครัฐ (กฟผ.) ดังนั้น ข้อกำหนด PPA จึงมีไว้สำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนโมเดลการใช้พลังงานไฟฟ้าจากภาครัฐมาเป็นการผลิตไฟฟ้าใช้เอง รวมถึงภาคธุรกิจที่สามารถสร้างพลังงานหมุนเวียนเพื่อผลิตไฟฟ้าได้ และผู้ที่ต้องการทำธุรกิจผลิตไฟฟ้า เป็นต้น

PPA มีความสำคัญอย่างไร?

ปัจจุบันภาคธุรกิจใหญ่ๆ ในประเทศไทยหลายเจ้าได้ให้ความสำคัญกับประเด็นภาวะโลกร้อนและเปลี่ยนมาใช้ “พลังงานหมุนเวียน” ผลิตไฟฟ้าสำหรับใช้ในภาคธุรกิจแทน โดยภาคธุรกิจหรือครัวเรือนใหญ่ที่ผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้เองอาจมีข้อจำกัดเรื่องปริมาณการผลิตและค่าใช้จ่าย ในกรณีที่ไม่สามารถดึงพลังงานแสงอาทิตย์มาผลิตกระแสไฟได้เพียงพออาจต้องดึงพลังงานไฟฟ้าจากภาครัฐมาใช้ร่วมด้วยทำให้เกิดความยุ่งยากและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้ ข้อตกลง PPA จึงเป็นสิ่งที่จะเข้ามาช่วยอธิบายและให้ความกระจ่างเรื่องนี้ โดยในข้อตกลง PPA จะระบุข้อปฏิบัติต่างๆ ไว้ดังนี้

  • การเดินเครื่อง (Operating Characteristics)
  • ค่าความพร้อมจ่ายไฟฟ้า (Availability Payments)
  • ค่าพลังงานไฟฟ้า (Energy Payments)
  • มาตรฐานทางสิ่งแวดล้อม (Environmental Quality Standards)
  • การเก็บเชื้อเพลิงและสัญญาซื้อเชื้อเพลิง (Fuel Stocking and Fuel Purchase Agreement)
  • แผนงานก่อสร้าง ระบบส่งเชื่อมโยงระหว่างโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนกับระบบของ กฟผ. (New Transmission Facilities and Construction Schedule)
  • กำหนดการสำคัญตามสัญญา(Contracted Milestones)
  • ค่าเสียหายกรณีผิดสัญญา (Liquidated Damages)
  • เหตุสุดวิสัย (Force Majeures)
  • อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

การทำสัญญา PPA สามารถระบุได้ว่า ผู้ใช้ไฟฟ้าต้องการผลิตไฟฟ้าใช้เองแบบครบวงจรหรือผสมผสานระหว่างการใช้ไฟฟ้าของภาครัฐกับการผลิตเองเพื่อให้เกิดความกระจ่างในเรื่องของค่าใช้จ่าย

colleagues signing ppa contract

ทำไมธุรกิจยุคใหม่ควรสนใจพลังงานสะอาดและ PPA ?

การผลิตไฟฟ้าใช้เองและการทำข้อตกลง PPA เป็นทางเลือกใหม่สำหรับธุรกิจและภาคครัวเรือน “เพราะคุณสามารถเลือกที่จะช่วยโลกให้ดีขึ้นไปพร้อมกับการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าให้น้อยลง นอกจากนี้ ยังช่วยแบ่งเบาภาระการผลิตไฟฟ้าและลดการพึ่งพาพลังงานจากภาครัฐได้อีกด้วย”

  • ช่วยชะลอภาวะโลกร้อน: การหันมาใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้าจะช่วยลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกไปสู่ชั้นบรรยากาศซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน
  • ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย: การทำสัญญา PPA มีหลักการคิดค่าไฟฟ้าแบบเฉลี่ยคงที่ (Flat Rate) จึงช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายลงได้จำนวนมากนั่นเอง โดยเฉพาะในธุรกิจที่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าปริมาณมาก การใช้พลังงานแสงอาทิตย์และการทำข้อตกลง PPA กับภาครัฐให้ชัดเจนจะช่วยให้คุณกำหนดและลดงบประมาณต่อปีได้อย่างมหาศาล 
  • นำพลังงานหมุนเวียนเหลือใช้กลับมาใช้ประโยชน์: ปัจจุบันมีภาคธุรกิจมากมายที่ผลิตพลังงานหมุนเวียนจากการทำธุรกิจหรืออุตสาหกรรมแล้วปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้ใช้ประโยชน์ ซึ่งการเปลี่ยนพลังงานเหลือใช้มาเป็นไฟฟ้าเป็นอีกช่องทางที่จะช่วยเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายให้กับธุรกิจ 
  • กระจายอำนาจการผลิตและป้องกันความเสี่ยง: การผลิตไฟฟ้าใช้ได้ด้วยตัวเองยังเป็นการป้องกันความเสี่ยงด้านพลังงาน ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินที่ภาครัฐไม่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้ประชาชนหรือภาคธุรกิจได้ ผู้ที่มีอำนาจผลิตไฟฟ้าใช้ได้ด้วยตัวเองจะไม่ได้รับผลกระทบ

การเลือกใช้พลังงานสะอาดและข้อกำหนด PPA ให้ชัดเจนเป็นทางเลือกในการใช้โมเดลพลังงานแบบใหม่ที่น่าสนใจสำหรับภาคธุรกิจไม่น้อยเลยทีเดียว โดยข้อตกลงการใช้ไฟฟ้ามีทั้งในระดับโลก ระดับประเทศ และระดับพื้นที่ โดยในรายละเอียดยังสามารถแบ่งได้ตามประเภทและขนาดของโรงผลิตไฟฟ้า เช่น ขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก โรงไฟฟ้าฉุกเฉิน โรงไฟฟ้าเคลื่อนที่ โรงไฟฟ้าภาคครัวเรือน โรงไฟฟ้าสังเคราะห์ และโรงไฟฟ้าที่ไม่มีการควบคุม เป็นต้น โดยในต่างประเทศก็มีทั้งสหรัฐอเมริกา อินเดีย เวียดนาม นามิเบีย เคนยา แทนซาเนีย ปากีสถาน ออสเตรเลีย และสเปนที่ทำข้อตกลง Power Purchase Agreement นี้เอาไว้อย่างจริงจัง

Green energy

สรุป

การเลือกใช้พลังงานสะอาดหรือพลังงานหมุนเวียนสำหรับผลิตไฟฟ้าเป็นทางเลือกของธุรกิจในยุคนี้ที่จะช่วยชะลอภาวะโลกร้อน ลดค่าใช้จ่าย ลดภาระการพึ่งพาพลังงานจากภาครัฐ ป้องกันความเสี่ยง และกระจายอำนาจการผลิตไฟฟ้า แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเลือกใช้โมเดลพลังงานสะอาดทดแทนแล้วต้องไม่มองข้ามการทำข้อตกลงการใช้ไฟฟ้า PPA กับภาครัฐเพื่อให้เกิดข้อปฏิบัติที่ชัดเจน

ติดตามข่าวสารและคอนเทนต์ดีๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยี ธุรกิจ และสิ่งแวดล้อมที่คุณไม่ควรพลาด

ได้ที่ Facebook PTT ExpresSo,m

New call-to-action

5 เหตุผล ทำไมพลังงานหมุนเวียนจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต่ออนาคต

SHARE

การใช้งานพลังงานหมุนเวียนในยุคปัจจุบันไม่ใช่แค่ทางเลือกแต่เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อขับเคลื่อนอนาคตของโลกให้ก้าวไปข้างหน้า ทั่วทั้งโลกต่างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ทั้งภาครัฐและประชาชน มาดูกันว่าเหตุผลใดกันทำไมพลังงานชนิดนี้ถึงจำเป็นกับโลก และมันจะมาทดแทนพลังงานสิ้นเปลืองได้อย่างไร

1.พลังงานหมุนเวียนส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม

ผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์จากหลาย ๆ สถาบันยืนยันชัดเจนว่าการใช้งานพลังงานสิ้นเปลืองของมนุษย์นั้นส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการทำให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก (Greenhouse Effect) ที่ส่งผลให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นเรื่อย ๆ และอุณหภูมิที่สูงขึ้นนี้ก็จะส่งผลกระทบไปยังท้องทะเล น้ำแข็งขั้วโลก ไปจนถึงพฤติกรรมของสัตว์ต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างอีกด้วย

5-reasons-why-renewable-energy-is-neccessary

นอกจากการใช้งานจะส่งผลกระทบแล้ว ในส่วนของการผลิตเองก็มีผลต่อสิ่งแวดล้อมเช่นกัน เช่น การขุดเจาะเพื่อผลิตน้ำมันที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล หรือการทำเหมืองเพื่อผลิตถ่านหินก็ทำให้ภูเขาเสียหาย ยิ่งคนใช้มากเท่าไหร่ ผลกระทบทั้งหมดยิ่งทวีคูณมากขึ้นเท่านั้น

แต่การใช้พลังงานหมุนเวียนจะมีความแตกต่าง เนื่องจากตัวพลังงานหมุนเวียนเป็นพลังงานที่สามารถใช้ซ้ำได้แบบไม่มีวันหมด เช่นพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานก๊าซชีวภาพ

2.คุณภาพชีวิตดีขึ้นได้ด้วยการใช้งานพลังงานที่ดี

การใช้งานพลังงานสิ้นเปลืองอย่างพลังงานฟอสซิลที่มากเกินไปนอกจากจะส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรงแล้ว มนุษย์ธรรมดา อย่างเรา ๆ ก็ได้รับผลกระทบจากมันไม่น้อยเช่นกัน ตั้งแต่ควันพิษจากการเผาไหม้แบบไม่สมบูรณ์ มลพิษทางเสียงที่ได้เจอตามท้องถนน และผลกระทบทางอ้อมที่ได้เผชิญหลังจากสิ่งแวดล้อมเสียหาย

การปรับเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียน หรือใช้พลังงานที่ได้จากพลังงานหมุนเวียน เช่น การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ นอกจากจะเพิ่มความสะดวกสบายที่สามารถติดตั้งที่ไหนก็ได้แล้ว ยังช่วยลดมลพิษทางเสียง ดีต่อสุขภาพ และช่วยให้คุณภาพชีวิตประชาชนดีขึ้น

3.ค่าใช้จ่ายของพลังงานหมุนเวียนถูกลงเรื่อย ๆ

ยิ่งเทคโนโลยีและการแข่งขันในตลาดสูงขึ้นเท่าไร มูลค่าของสิ่งนั้น ๆ ก็จะยิ่งลดลงตามมาเพื่อให้คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ไม่เว้นแม้แต่พลังงาน ยกตัวอย่างเช่นต้นทุนการผลิตไฟฟ้าด้วย Solar Cell ในอดีตเทียบกับปัจจุบัน

5-reasons-why-renewable-energy-is-neccessary

ภาพข้อมูลจาก Rameznaam.com

จะเห็นได้ว่าในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าด้วย Solar Cell ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และส่งผลให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์สามารถใช้ได้ง่ายและเข้าถึงคนทั่วไปได้มากขึ้น ตาม Market share ที่มากขึ้น โดยพลังงานลมและพลังงานน้ำเองก็มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน แต่อาจจะไม่ชัดเจนเท่า

นอกจากราคาในการผลิตแล้ว เทคโนโลยีในการกักเก็บพลังงานรูปแบบต่าง ๆ เช่น ถังก๊าซ เซลล์เก็บกักพลังงานไฟฟ้า สิ่งเหล่านี้ก็ถูกพัฒนาการเพิ่มขึ้นเช่นกัน ทำให้อนาคตด้านการใช้พลังงานหมุนเวียนทั่วทั้งโลกชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก

4.พลังงานสิ้นเปลืองมีวันหมด แต่พลังงานหมุนเวียนยังอยู่อีกนาน

ที่ผ่านมาเรามักได้ยินคำพูด “น้ำมันจะหมดโลกในอีกไม่นาน” อยู่บ่อยครั้ง บ้างก็ว่าอยู่ได้อีก 40 ปี บ้างก็ว่าอยู่ได้อีก 50 ปี ซึ่งตัวเลขดังกล่าวก็มีการปรับเปลี่ยนอยู่เรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านมาจนถึงปัจจุบันก็แสดงให้เห็นว่าจริงๆ แล้วปริมาณน้ำมันสำรองและพลังงานอื่น ๆ มีมากกว่าที่คิด ไม่ได้หมดลงในระยะเวลาอันสั้นแต่อย่างใด

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกการใช้งานทำให้น้ำมันและพลังงานสิ้นเปลืองอื่น ๆ ลดลง และอาจจะหมดลงในรุ่นเราหรือรุ่นลูกเราเข้าจริง ๆ การสนับสนุนพลังงานหมุนเวียนอื่น ๆ เพื่อใช้งานระยะยาวจึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์อนาคตมากกว่า

5-reasons-why-renewable-energy-is-neccessary

5.เทรนด์พลังงานหมุนเวียนได้รับการยอมรับในระดับสากล

สุดท้ายแล้วโลกทั้งใบต้องเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียนไม่ช้าก็เร็ว

ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและมนุษยชาติก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมทางสังคมอย่างมหาศาล หากบริษัทไหน หรือผลิตภัณฑ์ไหนนำเสนอด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จะส่งผลให้บริษัทได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เรื่องดังกล่าวทำให้บริษัทจนถึงภาครัฐต้องมีการปรับตัวอย่างแข็งขัน ตั้งแต่การปรับรูปแบบของบริษัทให้มีความ Clean ใช้พลังงานสะอาด มีการรีไซเคิลสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น และนำเสนอ Product ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เมื่อความนิยมของพลังงานฟอสซิลและพลังงานสิ้นเปลืองชนิดอื่นๆ ความต้องการในตลาดก็จะลดลง อนาคตที่เหลืออยู่ก็คือการผลิตพลังงานหมุนเวียนที่มีคุณภาพว่าจะสามารถสนับสนุนความต้องการของผู้บริโภคได้มากน้อยขนาดไหน

สรุป

พลังงานหมุนเวียนนั้นจำเป็นกับอนาคตเพราะมันสามารถนำมาใช้ซ้ำได้ ไม่มีวันหมดไปง่าย ๆ และได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมีการทำลายสิ่งแวดล้อมที่น้อยกว่าพลังงานสิ้นเปลือง เมื่อคุณภาพชีวิตคนและสิ่งแวดล้อมดีขึ้น ไม่ช้าไม่นานพลังงานหมุนเวียนจะกลายเป็นเทรนด์พลังงานหลัก ที่ไม่ว่ารัฐบาลหรือบริษัทใดๆ ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้อีกต่อไป

New call-to-action
  • SUBSCRIBE TO BE
    THE FIRST INNOVATOR.

logo