ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence) หรือเรียกย่อๆว่า AI เป็นที่กล่าวถึงในประเทศไทยเป็นอย่างมาก เหตุเพราะมีการใช้เทคโนโลยี AI ร่วมกับอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างแพร่หลาย ตั้งแต่ AI ในสมาร์ทโฟน ไปจนถึง AI ที่ใช้ในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ จนกล่าวได้ว่าจริงๆ แล้วเทคโนโลยีนี้นั้นส่งผลกับคนทุกกลุ่มโดยแทบไม่รู้ตัวเลยทีเดียว
บทบาทของ AI ณ ปัจจุบัน
ดังที่กล่าวข้างต้นว่า AI นั้นส่งผลกับคนแทบทุกกลุ่ม โดยเฉพาะความสามารถในการคิดวิเคราะห์จากข้อมูลมหาศาลที่เหนือกว่าคนธรรมดามาก และมีการพัฒนาให้ เทคโนโลยี AI สามารถทำงานยากขึ้น ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ โดยงานที่ปัจจุบัน AI เข้ามามีบทบาทอย่างมากคือ
ด้านการเงินและการธนาคาร
ในการจัดการด้านการเงินจะมีกิจกรรมบางอย่างที่ซ้ำไปมาเสมอ เช่น การถอนเงิน โอนเงิน ไปจนถึงการถามคำถามเดิมๆ จากลูกค้า สิ่งเหล่านี้สามารถใช้ Machine Larning เข้ามาวิเคราะห์พฤติกรรม เรียนรู้และตอบโต้กลับได้อย่างทันท่วงที
ด้านการแพทย์
หลายคนอาจไม่ทราบ แต่ตอนนี้ เทคโนโลยี AI มีบทบาทมากมายเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพ โดยเฉพาะการวิจัยโรคร้ายแรงอย่างมะเร็ง โดยจะเน้นไปในด้านการวิเคราะห์ความเสี่ยงและความเป็นไปได้ในการเป็นมะเร็งในจุดต่างๆ อิงจากปัจจัยทางสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับคนไข้ ช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์ทำงานในส่วนนี้น้อยลง ไปเน้นการทำงานเกี่ยวกับด้านอื่นเพิ่มขึ้นแทน
ด้านธุรกิจ
สำหรับธุรกิจแล้วการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคถือเป็นงานที่สำคัญและยากมาก โดยเฉพาะตลาดใหญ่ที่จำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเป็นหลัก แต่สิ่งเหล่านี้เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อมีการประยุกต์ใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูล ทำให้สิ่งที่ต้องอาศัยการเตรียมการเป็นสัปดาห์อาจจะเหลือเพียงชั่วโมงหรือหลักนาที
สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างที่เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งในตอนนี้หลายภาคส่วน
กำลังพัฒนาให้ AI มีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์และประเมินผลให้ดีมากกว่าเดิม
ภาคธุรกิจที่เปลี่ยนไปเมื่อ AI ช่วยลงทุน
ประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับ AI ในไทยคือการนำมาใช้กับภาคการลงทุนในการคำนวณและจัดการ
การซื้อขายหุ้นรวมถึงรวบรวมข้อมูลธุรกิจต่างๆ เพื่อประเมินความเป็นไปได้ ตามปกติแล้วภาคการลงทุนจำเป็นต้องใช้มืออาชีพเป็นหลัก เนื่องจากความผันผวนที่สูงเกินกว่าจะคาดเดาได้ แต่ตลาดก็เปลี่ยนไปอีกครั้งเมื่อ AI ก้าวเข้ามามีบทบาท เช่น
การวิเคราะห์หุ้น
ถึงแม้ตลาดหุ้นจะเป็นสิ่งที่ผันผวนและจับทางได้ยาก แต่ก็ยังมีบางพฤติกรรม ที่สามารถวิเคราะห์ได้เบื้องต้น ว่าหุ้นตัวไหนจะขึ้นจะลง หุ้นตัวใดน่าลงทุนและมีแนวโน้มจะสร้างผลกำไรในอนาคตได้ ทำให้ได้รับข้อมูลที่มีความแม่นยำสูง เพราะ AI วิเคราะห์จากสถานการณ์ที่ผ่านมาในอดีต
การซื้อขายหุ้น
AI มีความสำคัญในการซื้อขายหุ้นในตลาดอย่างมากรวมถึงสร้างผลกระทบให้กับนักเก็งกำไรระยะสั้น เพราะการที่ AI มีระบบการประมวลที่ค่อนข้างเร็ว และมีข้อมูลสำหรับวิเคราะห์สูงมาก ทำให้การตัดสินใจในการซื้อขายจึงเร็วตามไปด้วย
ขณะที่หากใช้เพียงคนอาจจะต้องมีการคิดทบทวนอีกหลายรอบกว่าจะตัดสินใจซื้อขาย ความเร็วที่แตกต่างในการซื้อทำให้เกิดความวุ่นวายในตลาดหุ้นบางช่วงเวลา ขณะเดียวกันก็มีความแม่นยำในการวิเคราะห์ทำให้ลดความเสี่ยงในการขาดทุนไปได้เยอะ
ในภาคการลงทุนในต่างประเทศที่พัฒนา AI ได้อย่างสมบูรณ์ จนกลายเป็นเครื่องมือหลักที่ช่วยให้นักลงทุนเลือกลงทุนได้อย่างถูกจุด ซึ่งในประเทศไทยเองก็ได้เร่งพัฒนาเพื่อ AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยประกอบการตัดสินใจรวมถึงเป็นทางเลือกในการลงทุนเช่นกัน
ความท้าทายของธุรกิจในอนาคต
ผู้ที่มีเทคโนโลยี AI ที่มีการวิเคราะห์เหนือกว่า สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ลึกกว่า ย่อมมีโอกาสในการลงทุนที่ดีกว่า จนกลายเป็นว่าอนาคตสิ่งที่เรียกว่านักธุรกิจจำเป็นจะต้องมีเพียงเงินตั้งต้นและชื่อในระบบอย่างเดียว ไม่จำเป็นต้องศึกษาอะไรในเชิงลึกเนื่องจาก AI ถูกพัฒนาจนสามารถจัดการการลงทุนที่เหมาะสมกับเงินในปัจจุบันได้ทันทีอยู่แล้วนั่นจึงเป็นความท้าทาย ทั้งในมุมของ “นักธุรกิจ” และ “ผู้ประกอบการ” ที่อนาคตอันใกล้เราอาจจำเป็นต้องเรียนรู้ และพึ่งพาเทคโนโลยี AI ในการจัดการ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเล็กๆ ภายในครอบครัว หรือธุรกิจใหญ่ระดับสากลก็ตาม
ผลกระทบจาก AI ในตลาดระยะยาว
ถ้าหากการลงทุนทุกอย่างใช้ AI เป็นหลัก ตลาดโลกระยะยาวจะส่งผลกระทบอย่างไร ?
แน่นอนว่าในปัจจุบันเทคโนโลยี AI ยังเป็นผู้ช่วยชั้นดีสำหรับการลงทุนทั้งหลาย แต่ทว่าด้วยข้อมูลที่เพิ่มขึ้นทุกวันและความจำเป็นในการใช้ AI ที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี ทำให้น่าสังเกตว่าในอนาคตหากฝั่ง AI สามารถตัดสินใจลงทุนได้เลย จะทำให้เกิด “ความเหลื่อมล้ำ” ในด้านการเงินการลงทุนหรือไม่
ยังไม่นับโอกาสของมนุษย์ที่ต้องการเติบโต บริษัทสตาร์ทอัพหลายรายในอดีตใช้ความเชื่อใจระหว่างคนในการดำเนินธุรกิจจนประสบความสำเร็จ ทว่าถ้าในอนาคตแม้แต่การลงทุนรายย่อยยังใช้ AI อาจส่งผลให้ไม่มีการนำปัจจัยด้านความมุ่งมั่น ความสำเร็จ และการเปลี่ยนแปลงของผู้คนเข้ามาเป็นตัวแปร มันจะกลายเป็นการตัดโอกาสที่จะเกิดขึ้นหรือไม่…
ท้ายสุดแล้ว ผลกระทบที่ใหญ่ที่สุดคือ “การลงทุนอาจเกิดการจำกัดตัวมากขึ้น” แน่นอนว่าเราไม่ตัดความเป็นไปได้ อาจมี AI ที่เข้าถึงมนุษย์และเข้าใจการลงทุนมากพอที่จะทำให้บริษัทต่างๆ เติบโตต่อไป แต่นั่นก็ยังเป็นเรื่องของอนาคตที่ต้องใส่ใจและจับตา ว่าสุดท้ายแล้วเมื่อ AI เข้ามามีบทบาทอย่างสมบูรณ์ในการลงทุน ตลาดโลกจะหมุนไปในทิศทางใด