ถ้าวันหนึ่งมีพายุโหมกระหน่ำจนทำให้ไฟดับในย่านที่คุณพักอาศัยและบ้านของคุณไม่มีเครื่องปั่นไฟสำรอง แต่มียานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ระบบ Vehicle to Grid (V2G) จอดอยู่ในโรงรถ เพียงเท่านี้ก็สามารถเปิดไฟ ดูโทรทัศน์ ชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือ อุ่นของกินด้วยไมโครเวฟได้อย่างสบายใจแม้ไฟฟ้าจะยังดับอยู่
ตัวอย่างข้างต้นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เทคโนโลยี Vehicle-to-Grid (V2G) เริ่มได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก เช่นเดียวกับบริษัทยานยนต์และสาธารณูปโภคต่างๆ ที่มองว่า V2G จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งช่วยให้โลกบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมและการใช้ประโยชน์จากพลังงานหมุนเวียนได้อย่างยั่งยืน
บทความนี้ PTT ExpresSo จะพาไปทำความรู้จัก Vehicle to Grid หรือ V2G เทคโนโลยีที่ทำให้ EV สามารถเป็นแหล่งไฟฟ้าสำรองแถมยังช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย
V2G คืออะไร?
V2G ย่อมาจาก Vehicle to Grid เป็นเทคโนโลยีที่สามารถเก็บพลังงานไฟฟ้าสำรองไว้ในแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle (EV) และป้อนกลับเข้าสู่กริด (Grid) หรือระบบโครงข่ายไฟฟ้าเมื่อไม่ได้ใช้งาน จึงช่วยรักษาสมดุลและเสถียรภาพของโครงข่ายไฟฟ้าในช่วงที่เกิดเหตุขัดข้องต่างๆ ได้
อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีระบบ V2G คือการชาร์จผ่านเครื่องแปลงไฟแบบสองทิศทางที่เชื่อมต่อได้ทั้งแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูงของ EV หรือกริดที่ใช้แรงดันไฟฟ้าต่ำก็ได้ ทำให้ EV สามารถชาร์จได้ตามปกติโดยที่ยังปล่อยพลังงานไฟฟ้าที่กักเก็บไว้จากแบตเตอรี่กลับไปยังกริดหรือโครงข่ายไฟฟ้า
นอกจากนี้ V2G ยังมีศักยภาพในการควบคุมกระแสไฟฟ้าให้ไหลเข้าออกจากแบตเตอรี่ได้อย่างอิสระ จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้มากขึ้น รวมทั้งสามารถต่อกระแสไฟฟ้าจาก EV เข้าบ้านเพื่อใช้งานในเวลาจำเป็นได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม EV ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเหมือนกันทุกแบรนด์ ดังนั้น หากคุณต้องการใช้เทคโนโลยี V2G จึงต้องเลือกซื้อรุ่นที่รองรับ V2G และชาร์จแบบสองทิศทางได้
EV และ V2G มีระบบการทำงานเกี่ยวข้องกันอย่างไร?
EV มีส่วนประกอบหลักที่สำคัญ ได้แก่ แบตเตอรี่ ตัวควบคุมมอเตอร์ มอเตอร์ไฟฟ้า และระบบชาร์จ
ซึ่งแต่ละส่วนมีหน้าที่การทำงาน ดังนี้
- แบตเตอรี่: EV จะกักเก็บพลังงานไฟฟ้าไว้ในแบตเตอรี่สำหรับขับเคลื่อนมอเตอร์ในเวลาที่ต้องการใช้ผ่านเครื่องควบคุมการทำงานของชุดแบตเตอรี่
- ตัวควบคุมมอเตอร์: เป็นเหมือนสมองของ EV ช่วยควบคุมการไหลเวียนของกระแสไฟฟ้าที่เก็บไว้ในแบตเตอรี่ไปยังมอเตอร์
- มอเตอร์ไฟฟ้า: ทำหน้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ให้เป็นพลังงานกลเพื่อใช้ในการขับเคลื่อน EV
- ระบบชาร์จ: เปลี่ยนไฟฟ้ากระแสสลับเป็นกระแสตรง เพื่อป้อนให้แบตเตอรี่กักเก็บไว้หลังจากการใช้พลังงาน EV บางประเภทต้องใช้เครื่องชาร์จที่ติดตั้งอยู่ภายนอกและทำการชาร์จในบริเวณที่จัดเตรียมไว้
นอกจากนี้ EV ยังแบ่งการทำงานเป็น 2 โหมดหลัก ได้แก่ โหมด Stand-alone และโหมดการเชื่อมต่อกริด (V2G)
- โหมด Stand-alone คือ การนำพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ของ EV มาใช้เป็นแหล่งพลังงานสำรองในเวลาที่ขาดแคลนหรือไฟดับ นอกจากนี้ ยังเพิ่มกำลังในการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่มาช่วยเสริมแหล่งพลังงานหมุนเวียนต่างๆ เช่น แผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาและกังหันลมที่อาจผลิตไฟฟ้าได้จำกัดในบางช่วงเวลา
- โหมดการเชื่อมต่อกริด (V2G) คือ การนำแหล่งกักเก็บพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ของ EV มาเชื่อมต่อกับระบบโครงข่ายไฟฟ้า ทำให้เจ้าของ EV สามารถขายพลังงานไฟฟ้าและมีส่วนช่วยเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองให้กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างระบบสาธารณูปโภคไฟฟ้า
จากรูปแบบและหลักการทำงานข้างต้น จึงเป็นข้อสรุปที่ยืนยันได้ว่าเทคโนโลยี V2G ช่วยเปลี่ยน EV ให้กลายเป็นแหล่งไฟฟ้าสำรองและแลกเปลี่ยนพลังงานกับกริดได้ด้วยแบตเตอรี่ที่มีศักยภาพสูง ซึ่งนอกจากจะให้พลังงานในการขับเคลื่อน EV ไปสู่จุดหมายปลายทาง ยังสามารถส่งต่อพลังงานให้โครงข่ายไฟฟ้ามีความเสถียรและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ประโยชน์ของเทคโนโลยี V2G
เทคโนโลยี V2G ช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีต่อทั้งเจ้าของ EV ธุรกิจที่เกี่ยวข้องและสิ่งแวดล้อมในอนาคตด้วยคุณประโยชน์ที่สำคัญและน่าจับตามอง ดังต่อไปนี้
1. เป็นแหล่งไฟฟ้าสำรอง
เทคโนโลยี V2G เปลี่ยนแบตเตอรี่ของ EV ให้กลายเป็นแหล่งกักเก็บพลังงานสำหรับกริดหรือระบบโครงข่ายไฟฟ้า รวมทั้งสามารถส่งออกความจุของแบตเตอรี่ที่ไม่ได้ใช้กลับไปยังกริดเพื่อเติมเต็มช่องว่างในการผลิตพลังงานหมุนเวียนและสำรองไฟฟ้าไว้ใช้ในช่วงเวลาที่มีความต้องการสูงสุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้น ยิ่งมีจำนวน EV เพิ่มขึ้น ก็จะยิ่งมีจำนวนแบตเตอรี่ที่ใช้เป็นแหล่งจัดเก็บพลังงานไฟฟ้าสำรองได้มากขึ้นตามไปด้วย โดยขึ้นอยู่กับชนิดและความจุของแบตเตอรี่ ซึ่งในปัจจุบัน EV ส่วนใหญ่มีความจุแบตเตอรี่อยู่ที่ 1.8-17 กิโลวัตต์
2. ควบคุมการใช้และหมุนเวียนพลังงานไฟฟ้า
เนื่องจาก EV ส่วนใหญ่ใช้เวลาชาร์จในชั่วข้ามคืน และ V2G ช่วยให้เกิดการใช้พลังงานหมุนเวียนได้มากขึ้นในช่วงที่รถมีความต้องการใช้พลังงานต่ำ และเตรียมแบตเตอรี่ให้พร้อมอย่างเต็มประสิทธิภาพในเช้าวันรุ่งขึ้น นอกจากนี้ เจ้าของ EV ยังสามารถควบคุมและตั้งค่าเกี่ยวกับช่วงเวลารวมทั้งปริมาณการชาร์จและคายประจุไฟฟ้าในช่วงเวลาต่างๆ ของวันให้เหมาะกับการใช้ชีวิตและพฤติกรรมการขับขี่ของตัวเองได้อีกด้วย
3. ช่องทางสร้างรายได้ใหม่และลดต้นทุนค่าไฟฟ้า
เทคโนโลยี V2G เป็นช่องทางให้เจ้าของ EV สามารถสร้างรายได้จากการขายพลังงานสำรองในแบตเตอรี่ที่ไม่ได้ใช้ไปยังระบบโครงข่ายไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการเป็นเจ้าของ EV และสร้างมูลค่าเพิ่มได้อีกมากมายตลอดอายุการใช้งาน นอกจากนี้ ระบบ V2G ยังเป็นทางเลือกใหม่ที่ค่อยๆ เข้ามาทดแทนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สาธารณูปโภคไฟฟ้าที่เคยมีราคาแพงให้มีต้นทุนที่ถูกลง ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับผู้บริโภคปลายทางทุกคนในท้ายที่สุด
4. แก้ไขปัญหาด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม
การใช้ EV กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เพียงแต่จะช่วยลดปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติ ยังลดการปล่อยคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศได้อีกด้วย นอกจากนี้ V2G ยังเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาเชื่อมโยงสิ่งที่ขาดหายไปในระบบนิเวศของพลังงานหมุนเวียนให้ครบสมบูรณ์และมีการใช้งานเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาโรงไฟฟ้าแบบดั้งเดิม รวมทั้งทำให้เราเข้าใกล้เป้าหมายของการสร้างชุมชนพลังงานสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สรุป
เทคโนโลยี V2G หรือ Vehicle To Grid แสดงให้เห็นถึงก้าวสำคัญของการขับเคลื่อนโลกยานยนต์และการคมนาคมขนส่งด้วยพลังงานไฟฟ้าและระบบจัดการพลังงานอัจฉริยะ อีกทั้งผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปัญหาการปล่อยคาร์บอนจากพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลก็เป็นปัญหาที่มองข้ามไม่ได้
ปัจจุบัน จึงมีการนำเทคโนโลยี V2G มาใช้ในรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างแหล่งไฟฟ้าสำรองจาก EV เพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียนให้มากขึ้นทดแทนการพึ่งพาโรงไฟฟ้าแบบดั้งเดิม รวมทั้งลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติที่กำลังจะหมดไป และเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยเหตุนี้ V2G จึงไม่ใช่แค่เทคโนโลยีที่เป็นคำตอบสำหรับผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังเป็นคำตอบสำหรับอนาคตของโลกใบนี้ที่ดีกว่าเดิม
ติดตามข่าวสารและคอนเทนต์ดีๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยี ธุรกิจ และสิ่งแวดล้อมที่คุณไม่ควรพลาด
ได้ที่ Facebook PTT Expresso
