Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors

เมืองอัจฉริยะ (Smart City) กับการประยุกต์ใช้ AI เพื่อความยั่งยืน

20 มี.ค. 2019
SHARE

Smart City เป็นแนวคิดการปรับปรุงเมืองด้วยเทคโนโลยีและทรัพยากรต่างๆ อย่างเป็นระบบ ทั้งการประยุกต์ใช้ระบบอัตโนมัติ การนำ AI เข้าช่วยเหลือ การจัดสรรทรัพยากรใหม่ จนถึงการทำความเข้าใจกับคนในชุมชนเพื่อให้เมืองทั้งเมืองพัฒนาได้ดียิ่งขึ้น

โดยประเทศไทยเองก็มีการเดินหน้าพัฒนา “เมืองอัจฉริยะ” อย่างเต็มตัว เนื่องจากชุมชนเมืองกำลังขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ตามการเติบโตของประชากร โดยผสมผสานกับ Artificial Intelligence (AI) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีการใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน กลายเป็นเมืองที่จะทำให้การดำเนินชีวิตสะดวกสบายและง่ายดายขึ้น ช่วยโลกจากปัญหาพลังงานที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

รู้จักกับเทคโนโลยี AI

ใครที่เป็นคอภาพยนตร์ Sci-Fi อาจจะคุ้นเคยกับฉากไฮเทคในภาพยนตร์จำลองโลกอนาคต ซึ่งปัจจุบันฉากที่น่าตื่นตาตื่นใจเหล่านี้ไม่ได้มีแค่ในภาพยนตร์เท่านั้น แต่เกิดขึ้นจริงด้วยเทคโนโลยี AI นั่นเอง

AI คืออะไร

AI ย่อมาจาก “Artificial Intelligence” หรือ “ปัญญาประดิษฐ์” คือศาสตร์ของการพัฒนาคอมพิวเตอร์ให้มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์เหมือนมนุษย์ เพื่อเป็นผู้ช่วยในการตัดสินใจ แก้ไขปัญหาและปฏิบัติงานต่างๆ รวมถึงเลียนแบบการกระทำของมนุษย์

AI มักจะถูกใช้ในงานที่มีรูปแบบชัดเจน หรือแม้แต่งานที่มีความซับซ้อน ต้องใช้การคิดและวิเคราะห์ก็สามารถถูกแทนที่ด้วย AI ได้เช่นกัน

ตัวอย่างการใช้ AI ในงานต่างๆ

  • งานรักษาความปลอดภัยของข้อมูล AI ถูกใช้เพื่อตรวจสอบและแยกแยะมัลแวร์ที่เป็นอันตราย
  • การลงทุน มีการใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาโอกาสหรือความเป็นไปได้ในการลงทุน
  • ด้านสุขภาพ มีการใช้ระบบ AI สแกนเพื่อค้นหาความผิดปกติของร่างกาย
  • การค้นหาใน Search engine AI ทำให้ผลลัพธ์การค้นหาตรงกับคีย์เวิร์ดที่ผู้ใช้ต้องการ
    เป็นต้น

Smart City คืออะไร?

Smart city คืออะไร

เมืองอัจฉริยะ หรือ Smart City คือ เมืองที่ได้ถูกออกแบบและพัฒนามาให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คนที่มีความเร่งรีบและต้องการความสะดวกสบาย ด้วยการนำเทคโนโลยีต่างๆ มาผสมผสานกับโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อพัฒนาระบบบริหารจัดการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เช่น ระบบบริหารจัดการเครือข่ายพลังงานอัจฉริยะ (Smart Grid), ระบบมิเตอร์อัตโนมัติ (Smart Meter), ระบบควบคุมการจราจรอัจฉริยะ เป็นต้น

นอกจากนี้ Smart City ยังมีคุณสมบัติเป็นเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย โดยส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนเพื่อช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ทำให้สามารถลดปัญหามลภาวะได้อย่างยั่งยืน

ประโยชน์ของ Smart City

1. มีการบริหารจัดการพลังงาน ทั้งภาคการผลิต การส่งจ่ายพลังงาน โดยส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน
2. มีความยืดหยุ่นสูง เลือกใช้เทคโนโลยีที่ง่ายต่อการเรียนรู้และการใช้งาน
3. ข่าวสารข้อมูลเปิดกว้าง สามารถเข้าถึงผู้ใช้ได้ในทุกระดับ ทำให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้
4. ยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คน มีความปลอดภัย รวมถึงเป็นแหล่งบ่มเพาะนักธุรกิจ นักพัฒนาเพื่อสร้างให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมในอนาคต

เกณฑ์ประเมิน Smart City

สถาบันอาคารเขียวไทยและหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ซึ่งร่วมมือกันสนับสนุนโครงการสนับสนุนการออกแบบเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities-Clean Energy) ได้สรุปเทคโนโลยีที่ใช้ใน Smart City 7 หมวดดังนี้

1. พลังงานอัจฉริยะ (smart energy)
2. การสัญจรอัจฉริยะ (smart mobility)
3. ชุมชนอัจฉริยะ (smart community)
4. สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (smart environment)
5. เศรษฐกิจอัจฉริยะ (smart economy)
6. อาคารอัจฉริยะ (smart building)
7. การปกครองอัจฉริยะ (smart governance)

AI สร้าง Smart City ได้อย่างไร?

AI คือองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เกิด Smart City บทความนี้เราจึงหยิบยกบางตัวอย่างที่ใช้ AI ในการพัฒนา Smart City ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

ช่วยจัดการระบบคมนาคม

AI ช่วยจัดการระบบคมนาคม

แก้ปัญหาเรื่องที่จอดรถ
คนมีรถแทบทุกคนน่าจะเคยปวดหัวกับการวนหาที่จอดรถจริงไหม? ในบางเมืองจึงมีการใช้ AI พัฒนาเฟรมเวิร์ค (Framework) ขึ้นมาเพื่อช่วยผู้คนค้นหาที่จอดรถ และหารูปแบบการจอดรถที่ทำให้การจอดรถมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีเฟรมเวิร์คสำหรับตำรวจค้นหารถที่ถูกขโมยซึ่งจะเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลอาชญากรด้วย

ช่วยให้การจราจรคล่องตัวขึ้น
ด้วยสภาพการจราจรที่แน่นขนัด ทำให้ประมาณเวลาการเดินทางได้ยาก จึงมีการพัฒนาสัญญาณไฟจราจรแบบปรับเวลาได้โดยใช้ข้อมูล Real Time หรือข้อมูลแบบทันทีทันใด ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงตามสภาพการจราจร

เพิ่มความปลอดภัย

AI ช่วยเรื่องความปลอดภัย

หลายๆ เมืองเพิ่มความปลอดภัยโดยการติดกล้องวงจรปิด (CCTV) และพัฒนาระบบตรวจจดจำใบหน้าของอาชญากรด้วย AI ทำให้สามารถตรวจสอบสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นในเมือง แล้วเชื่อมต่อกับหน่วยงานต่างๆ จึงรับมือกับสภาวะฉุกเฉินได้แบบทันที

ประหยัดน้ำและพลังงาน

AI ช่วยประหยัดน้ำและพลังงาน

ระบบ AI จะช่วยลดการใช้น้ำและพลังงาน หลายๆ เมืองมีการใช้ “Smart Grid” (ระบบโครงข่ายส่งไฟฟ้าอัจฉริยะโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล) ในการจัดการพลังงาน ซึ่งสามารถตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าของแต่ละครัวเรือนแบบ Real Time ทำให้ผู้บริโภคสามารถวางแผนการใช้พลังงานได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ AI สามารถใช้เพื่อวัดระดับการใช้น้ำ และตรวจสอบหากมีน้ำรั่วไหล

พัฒนาสังคมผู้สูงอายุ

AI พัฒนาสังคมผู้สูงอายุ
Aging Japan: Robots may have role in future of elder care – Image Source: Reuters

หลายๆ ประเทศอย่างญี่ปุ่นใช้เทคโนโลยี AI เพื่อพัฒนาเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านให้สามารถสื่อสารกับผู้สูงอายุได้ โดยเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ก็มีเครื่องช่วยตรวจสุขภาพ เช่น วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ปริมาณออกซิเจนในเลือด เป็นต้น

สรุป

Smart City คือ เมืองที่มีการพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีต่างๆ มาช่วยบริหารทรัพยากรของเมือง ซึ่งไม่ใช่แค่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต แต่ยังเป็นทางออกหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาด้านพลังงาน การพัฒนา Smart City จะช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมมากมาย เช่น มลภาวะทางอากาศ น้ำเสีย ขยะ การระบายน้ำ เป็นต้น

Artificial Intelligence หรือ AI เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาเป็นผู้ช่วยของมนุษย์ เป็นเทคโนโลยีหลักที่ใช้พัฒนา Smart City

อย่างไรก็ตามความสำเร็จของ Smart City ไม่ได้เกิดจากเทคโนโลยี AI เพียงอย่างเดียว เพราะการที่จะเกิดขึ้นได้จริงนั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายๆ ฝ่าย มาติดตามกันดีกว่าว่าเมืองในอนาคตจะมีหน้าตาอย่างไรต่อไป

New call-to-action

  • SUBSCRIBE TO BE
    THE FIRST INNOVATOR.

logo